วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บทสรุปเกม call of duty4 modern warfare1

เริ่มมาสรุปเกม call of duty4 modern warfare กันก่อน

 คำเตือน เนื้อหา เป็นการสปอร์ย (spoiler alert)ควรวรใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ

 

                        call of duty modern 4 warfae

เนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับมหันตภัยนิวเคลียร์ล้างโลกมีภารกิจ ดังนี้

                             ภารกิจ F.N.G

       เป็นการฝึกbasicพื้นฐานสำหรับผู้เล่นที่เข้าครั้งแรกที่ไมคุ้นเคยกับระบบ เรารับบทเป็นสิบเอกโซป แมคทราวิช ณ ศูนย์บัญชาการ หน่วยรบพิเศษ S.A.S ที่ประเทศ อังกฤษ



                           ภารกิจ : Crew Expendable
      ฉากนี้เราจะได้ไปปฏิบัติภารกิจตรวจค้นสิ่งของบางอย่าง ที่ถูกขนมาทางเรือขนส่งสินค้า โดยที่บนเรือนั้นมีกองกำลังติดอาวุธคุ้มกันอยู่ ฉากนี้เน้นเล่นเร็วบุกเป็นทีม ไม่ยากมาก อาศัยตามเพื่อนร่วมทีมให้ทันเป็นพอ เริ่มต้นเราจะอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ พอเริ่มโรยตัวลงมาก็เริ่มเปิดฉากภารกิจสุดระห่ำได้เลย ลงมาถึงพื้นแล้วก็ไม่ต้องพูดพล่ำทำเพลง จัดการการ์ดที่อยู่ในห้องทันที วิ่งตามเพื่อนไปเคลียร์ห้องต่างๆ ให้เรียบร้อย ยิงให้เรียบไม่เว้นแม้แต่คนเมาหรือหลับ พอเคลียร์ห้องต่างๆ เสร็จ เราจะต้องวิ่งตามเพื่อนไปเรื่อยๆ ระวังศัตรูที่อยู่ตามชั้น 2 ด้วย จนมาถึงส่วนท้ายของเรือที่จะเป็นห้องบังคับการเรือ ศัตรูจะโผล่มาจากชั้น 2 จำนวนพอสมควรทีเดียว ให้เราหมอบ เดี๋ยวเฮลิคอปเตอร์ของเราจะบินเข้ามาจัดการเอง จากนั้นไปข้างหน้าตามเพื่อนเพื่อเข้าบุกต่อไปยังในตัวเรือ ฉากนี้จะเน้นสวมบทนักวิ่งซะส่วนใหญ่ เพราะเพื่อนเราจะจัดการเรียบ เข้ามาส่วนด้านในตัวเรือ ระวังการปะทะกันในตัวเรือ เพราะจะมีควันจากท่อออกมาทำให้เราไม่สามารถมองเห็นศัตรูได้ พอเข้ามาถึงห้องเก็บสินค้า ห้องแรก ศัตรูจะโผล่มาทางด้านล่างให้จัดการแล้วลงตามเพื่อนไป จนมาถึงห้องที่ 2 ระวังศัตรูที่วิ่งมาอีกฝั่งของห้อง แล้ววิ่งตามเพื่อนลงมาเคลียร์ห้อง พอเคลียร์ห้องได้แล้วเช็คที่ตู้สินค้าจะพบกับหัวรบนิวเคลียร์ Cpt. Price จะวิทยุคุยกับศูนย์บัญชาการ แล้วสั่งให้เราไปหยิบเอกสารที่อยู่ในตู้นั้นมา จากนั้นจะเป็นการถอนกำลังออกจากพื้นที่เพื่อไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่รออยู่บนดาดฟ้าเรือ วิ่งตามเพื่อนมาจนถึงห้องเก็บสินค้าห้องแรก จะมีการระเบิดเกิดขึ้น เราจะมึนงงเพราะแรงระเบิด Cpt. Price จะดึงเราขึ้นมาแล้วสั่งให้วิ่งตาม เพราะตอนนี้น้ำทะลักเข้าเรือ และเรือกำลังจะจม มาถึงตอนนี้ต้องขอย้ำว่า ให้คุณวิ่งโดยกดปุ่ม Shift เป็นระยะๆ ตามเพื่อนให้ทัน เพราะถ้าคุณช้า จะถึงแก่ความตายทันที เราจะวิ่งตามเพื่อนมาบนระเบียงทางเดิน ซึ่งมันจะเริ่มพังลงมา ระวังวิ่งไปติดแง่ของราวบันไดด้านขวา พอใกล้ถึงหน้าประตู อาจจะต้องกระโดดขึ้นมาด้วยเพราะทางเดินเริ่มทรุดตัวแล้ว พอเข้าห้องมาก็ตามเพื่อนให้ติดจนออกมานอกตัวเรือ ตอนนี้พอพ้นโค้ง ให้ วิ่งทันที เพราะเฮลิคอปเตอร์กำลังจะออกแล้ว พอสุดทางให้กระโดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ทันที ในตอนนี้เราจะลื่นไหลกำลังจะตก แต่ Cpt. Price จะเข้ามาช่วยดึงเราขึ้นมาได้ทัน
                                          ภารกิจ: The Coup

      เราจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกของประธานาธิบดี Al Futani ซึ่งถูกจับกุมตัวขึ้นรถมา ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายของการปฏิวัติ จนมาถึงที่หมาย เขาจะโดนจับตัวมาล็อกติดกับแท่นกลางลาน ก่อนจะถูกผู้นำการก่อกบฏ Al- Asad จ่อยิงต่อหน้ากล้องทีวี



                                           ภารกิจ : Blackout

         ในฉากนี้เนื้อเรื่องจะตัดกลับมาที่หน่วย S.A.S ของอังกฤษ เราได้รับมอบหมายให้ไปช่วยเหลือ Nikolai จากที่คุมขังในรัสเซีย เริ่มต้นฉากมาให้เราตาม Cpt. Price ไป ให้ระวังบ้านพักด้านหน้า จะมียามเฝ้าอยู่ด้านนอก 2 คน หาจังหวะเหมาะจัดการเสีย ในฉากนี้ปืนเราจะติดที่เก็บเสียงด้วย สะดวกต่อการเก็บเงียบมาก ในกระท่อมจะมีศัตรูอยู่อีก แต่ไม่ต้องห่วง เพื่อนเราจะจัดการเอง เดินตามเพื่อนไปต่อ จนถึงด้านหน้ากระท่อมอีก 2 หลัง เราจะได้รับภารกิจให้ไปวาง Claymore ที่หน้าประตูของกระท่อมทั้ง 2 แล้วก็เก็บศัตรูทั้งหมดให้เรียบร้อย ไม่ต้องห่วงว่าศัตรูจะรู้ตัวแล้วแห่กันออกมา เพราะ Claymore ที่เราวางไว้จะทำให้ศัตรูออกมาตายกันเพียบ พอเคลียร์พื้นที่เสร็จเดินตาม Cpt. Price มาจะไปพบกองกำลังช่วยเหลือของ Komarov ซึ่งจะนำทางเราไปโจมตีป้อมปืนต่อสู้อากาศยาน เราจะต้องยิงสนับสนุนจากบนเนินเขา ให้ทหารของพวก Komarov เข้าปะทะ ให้เริ่มยิงทำลายพลปืนกลตรงหน้าต่างก่อน แล้วศัตรูจะแห่กันปีนรั้วด้านหน้าเข้ามา ให้เรายิงสกัดให้หมด แล้วตามเพื่อนไปทางกระท่อมซ้ายมือ พอผ่านกระท่อมออกมาจะมีการปะทะเกิดขึ้น เราสามารถใช้เครื่องยิงระเบิดที่ติดกับปืนได้โดยการกดที่ปุ่ม 5 หมอบรอศัตรูมารวมเป็นกลุ่ม แล้วค่อยยิงหัวระเบิดจัดการก็ได้ พอจัดการเรียบร้อยก็วิ่งตามเพื่อนลงมาทางเนินเขาเพื่อยิงสนับสนุนให้พวกเราที่อยู่ด้านล่าง กำจัดศัตรูไปสักพักแล้ววิ่งตาม Komarov ไปที่โรงงานไฟฟ้าที่อยู่ด้านบนสุดของเนินเขา เราจะต้องยิงคุ้มกันให้เพื่อนที่โรยตัวลงไปข้างล่าง จากนั้นเราก็โรยตัวตามลงไป พอถึงพื้นด้านล่าง ให้เราบุกเข้าไปทางอาคารที่อยู่ขวามือ เลาะเข้าไปเรื่อยๆ แล้วเพื่อนเราจะตามมา จนถึงทางขึ้นเนิน วิ่งขึ้นเนินมาจนเจอบ้านที่ Nikolai โดนขังอยู่ ให้เราอยู่หน้าประตูกับ Cpt. Price เตรียมพร้อมบุก Gaz จะเข้าไปตัดสวิตช์ไฟที่ด้านข้างตัวบ้าน พอเข้าตัวบ้านมาประตูด้านซ้ายมือจะมีศัตรูยืนอยู่ จัดการซะ เดินเข้ามาก่อนถึงบันไดขึ้นชั้น 2 เดินขึ้นมาชั้น 2 แล้วจะเจอศัตรูเป็นระยะๆ ในตอนนี้เราจะได้เปรียบนิดหน่อย เพราะศัตรูจะมองเราไม่เห็น ให้ระวังห้องที่ Nikolai อยู่ เพราะจะมีศัตรูเดินออกมา ซึ่งจะถือไฟฉายมาด้วย และจะมองเห็นเราแน่นอน เข้าไปช่วย Nikolai ออกมา เดินออกจากด้านข้างตัวบ้านมา วิ่งตาม Cpt. Price จนถึงจุดนัดขึ้นเฮลิคอปเตอร์เตรียมเดินทางหนีออกจากพื้นที่




                   ภารกิจ : Charlie Don’t Surf

        คราวนี้เราจะได้สวมบทบาทเป็น USMC นำกำลังเข้าไปจับกุม Al-Asad ถ้าใครได้ดูหนังเรื่อง Black Hawk Down คงจะต้องอุทานเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า บรรยากาศใกล้เคียงกับในหนังมากเลยทีเดียว เราจะนั่งเฮลิคอปเตอร์เข้าเมืองมา เขม่าควันดำที่ถูกเผาเพื่อบดบังวิสัยทัศน์ จรวด RPG ที่ถูกยิงเข้าใส่ล้วนช่วยเพิ่มอารมณ์ร่วมในการเล่นเข้าอีกมากโข เราจะโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์มา วิ่งตามเพื่อนไปบุกยึดอาคารที่เป็นศูนย์บัญชาการของกลุ่ม Al-Asad โดยเพื่อนเราจะระเบิดประตู และเข้าไปเคลียร์ให้เราเข้าตามมา จนถึงบันไดทางลง สุดทางจะมีห้องอยู่ซ้ายมือ ให้เรากดปุ่ม 4 เพื่อโยน Flashbang เข้าไปก่อน แล้วจึงบุกเข้าปะทะ ระวังห้องที่อยู่ด้านซ้ายมือด้วย เข้าเคลียร์พื้นที่ให้หมด ตอนนี้เราจะรู้แล้วว่า Al-Asad ไม่ได้อยู่ที่นี่ ให้เราตามเพื่อนไปยังจุดรวมพลพอมาถึงตรง ลานที่มีกำแพงเป็นสังกะสีให้เลาะทางด้านขวามาเรื่อยๆ แล้วเดินตามทางเข้าตรอกซอกซอยมา ระวังศัตรูที่อยู่ชั้น 2 ของอาคารด้วย เมื่อมาถึงจุดรวมพล จะมีคำสั่งให้เราบุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ ระวังตรงทางแยก จะมีพล RPG อยู่บนดาดฟ้าชั้นสองของอาคาร ให้เคลียร์ก่อนบุกขึ้นหน้าไป วิ่งเคลียร์ทางเป็นเส้นตรงต่อไปเรื่อยๆ จนสุดทางเลี้ยวซ้าย ออกมาเจอลานทีมีซากอาคารพัง ให้เก็บศัตรูให้หมด ผ่านเข้ามาก็เจอกับสถานีโทรทัศน์ วิ่งมาทางขวามือ เพื่อเข้าจากทางประตูด้านข้างสถานี เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะมีการปะทะกันตลอดทาง พอออกมาถึงออฟฟิศ ให้วิ่งตรงมาที่ห้องทำงานที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งทันที แล้วเคลียร์ศัตรูที่อยู่ในออฟฟิศให้หมด จากนั้นเดินเข้ามาด้านในเพื่อไปรวมพลที่ห้องโถงก่อนจะนำกำลังขึ้นบุกชั้น 2 เพื่อหาตัว Al-Asad ให้เราวิ่งตามเพื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงชั้น 3 มายืนรออยู่หน้าห้องส่งสัญญาณ ซึ่ง Al-Asad น่าจะกำลังแถลงการณ์อยู่ในนั้น แต่แล้วเราก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะ ไม่มีแม้แต่เงาของ Al-Asad อยู่เลย


                                          ภารกิจ : The Bog

         ในภารกิจนี้เราจะต้องเข้าไปช่วยเหลือรถถังที่ติดอยู่ในวงล้อมของข้าศึก ให้เราบุกโดยเข้าไปเคลียร์อาคารทีละอาคาร ในฉากนี้บางพื้นที่มืดมาก ควรใช้ Night Vision เพื่อมองในที่มืด พอมาถึงตรงทางด่วน จะมีรถถังของข้าศึกอยู่บนนั้น ให้เราลงจากอาคารมาหยิบจรวดทำลายรถถังตรงถนนด้านล่าง แล้วล็อกเป้าจัดการให้เรียบร้อยทั้ง 3 คัน แล้วจึงเคลื่อนพลตามเพื่อนเข้ามาตามตรอกซอกซอย จนถึงจุดที่รถถังเราโดนล้อมกรอบอยู่ คุ้มกันรถถังสักพัก จะมีภารกิจเพิ่มขึ้นมาให้เราไปทำลาย ปตอ. ที่อยู่ด้านในตัวอาคาร หลังจากทำลายเสร็จแล้ว เราจะโดนพวกที่อยู่ในอาคารขวามือรุมโจมตีอย่างหนัก ให้เราวิ่งมาระบุตำแหน่งเรียกกำลังเสริมทางอากาศ ตรงจุดวงกลมสีเหลืองๆ เท่านี้อาคารทั้งหลังก็จะกลายเป็นอดีตที่ถูกลืม กลับไปรวมพลที่รถถัง เสร็จสิ้นภารกิจ

                            ภารกิจ : Hunted

     ฉากนี้จะย้อนตัดกลับมาที่ S.A.S ที่กำลังนั่งเฮลิคอปเตอร์หลบหนีออกจากทางตอนเหนือของรัสเซีย แต่แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เฮลิคอปเตอร์เราถูกยิงร่วง พอได้สติเราจะได้ปืนจาก Cpt. Price แล้ววิ่งตามเขาไป ให้ระวังแสงจากสปอตไลท์ด้วย วิ่งตามเพื่อนมาเรื่อยๆ จนถึงบ้านหลังหนึ่ง ด้านนอกเราจะเห็นทหารข้าศึกกำลังสอบถามคนแก่ที่อยู่ด้านนอก ให้เราจัดการได้เลย ข้าศึกจะนำกำลังออกตามหาเรา จนมาถึงกลางทุ่งจะมี ฮ. บินเข้ามาฉายสปอตไลท์ ให้เรานอนหมอบกับพื้น จนกระทั่งมันบินผ่านเราไปจึงไปต่อ ศัตรูจะดักโจมตีเราอยู่เป็นระยะ พอมาถึงตรงโรงนา ให้เราบุกเข้ายึดโรงนาให้ได้ แล้วเข้าไปหยิบ Stinger มาเพื่อยิง ฮ. ข้าศึกให้ร่วง ลูกแรกเราจะยิงไม่ได้ ให้เข้าไปหยิบแล้วออกมายิงใหม่ จากนั้นก็เข้าไปในโรงนาแล้วตาม Cpt. Price ไปจนถึงถนน เราจะเห็นปั๊มน้ำมันด้านหน้า ตอนนี้เราจะได้กำลังเสริมจากทางเครื่องบินเข้ามาช่วย รออยู่ตรงนั้นจนอาคารโดนถล่ม เสร็จภารกิจ

                                 ภารกิจ : Death from Above

    ในฉากนี้เราจะได้ยิงปืนจากบน AC130 เพื่อสนับสนุน Cpt. Price และพรรคพวกที่อยู่ด้านล่าง ศัตรูจะโผล่มาเป็นระยะเช่นเดิม ให้เก็บให้หมด ระวังอย่ายิงโดนพวกเดียวกันเองล่ะ ฉากนี้จะไม่มีอะไรมาก แค่ช่วยยิงเปิดทางให้เพื่อนก็ผ่านแล้วล่ะครับ (โดย AC130 จะมีอาวุธหนักถึงสามชนิด ได้แก่ ปืนกลขนาด 25mm สามารถมองเห็นข้าศึกได้ในระยะใกล้, ปืนใหญ่ขนาด 40mm ซูมได้เล็กน้อย, ปืนใหญ่ขนาด 105mm ไม่สามารถซูมได้)


                            ภารกิจ : War Pig

    ตัดกลับมาที่ USMC เราต้องคุ้มกันรถถัง เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เริ่มต้นให้เราเคลียร์ศัตรูตรงรถบัสด้านหน้าก่อน พอจัดการตรงนั้นเสร็จให้วิ่งตามรถถังมา ระวังศัตรูที่อยู่บนอาคารด้วย เข้าไปเคลียร์พื้นที่ในอาคารต่างๆ ให้เรียบร้อย จนมาถึงซอยด้านหลังตึก จะมีปืนกลอยู่บนหน้าต่างชั้น 2 ค่อยๆ บุกขึ้นไป เข้าไปในตัวอาคาร ชั้น 2 จะเจอรถถังฝ่ายศัตรู แต่รถถังเราจะเข้ามาช่วย จากนั้นโดดลงไปข้างล่าง วิ่งตามเพื่อนไปเพื่อขึ้น ฮ.



                               ภารกิจ : Shock and Awe


    ฉากนี้เราจะได้ยิงปืนจาก ฮ.จัดการพวกข้าศึก โดยใช้ปืนยิงกระสุนหัวระเบิดโจมตีข้าศึกที่อยู่ด้านล่าง ให้ระวังบังเกอร์ข้าศึก ที่อยู่ตามดาดฟ้าตึก และพวกพล RPG จากนั้น ฮ. จะลงจอดเพื่อปล่อยพรรคพวกเราลงตรงอนุสาวรีย์ แล้วบินขึ้นต่อ เราจะไปลงอีกจุดหนึ่ง วิ่งตามเพื่อนเข้ามาจัดการข้าศึกโดยใช้วิธีเช่นเดิม คือเข้าไปเคลียร์อาคารต่างๆ พอเคลียร์เสร็จ จะมีคำสั่งถอนกำลังให้เราก็วิ่งไปจุดขึ้น ฮ. แล้วให้เราไปประจำตำแหน่งที่ปืนยิงกระสุนหัวระเบิด ระหว่างที่กำลังออกจากพื้นที่ ฮ. Cobra ถูกยิงตก เราจะมีเวลา 1 นาทีครึ่งเพื่อไปนำตัวนักบินกลับมาที่เครื่องเรา ตอนนี้ให้วิ่ง และยิงเข้าไปให้เร็วที่สุด พอไปถึงก็แบกนักบินกลับมาที่ ฮ. เรา จากนั้นจึงบินขึ้น แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะช้าเกินไป เกิดการระเบิดของหัวรบนิวเคลียร์ที่ใจกลางเมือง แรงระเบิดทำให้ทุกอย่างพินาศไปหมด ฮ. เราตกกระแทกพื้น แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง








                                            ภารกิจ : Aftermath


    กองกำลัง USMC ที่ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจทั้งหมด ขาดการติดต่อ ถูกขึ้นบัญชีหายสาบสูญ เราจะลืมตาตื่นขึ้นมาในซาก ฮ. ตะเกียกตะกายออกมาจาก ฮ. ฝุ่นกัมมันตภาพรังสีที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ เราพยุงร่างกายขึ้นมาภาพที่ได้เห็นจากใจกลางแรงระเบิด ไม่ต่างกันเลยกับฮิโรชิมา พวกเราถูกหลอกให้เข้ามาติดกับหรือนี่ แล้วทุกอย่างก็ขาวโพลนขึ้นอีกครั้ง “SSgt. Paul Jackson - หายสาบสูญ“





 


                                       ภารกิจ : Safe house


   ตัดกลับมาทางฝั่ง S.A.S ตอนนี้เราต้องเข้าไปตรวจค้นเซฟเฮาส์หาที่ซ่อนตัวของ Al-Asad เริ่มต้นให้เราเข้าไปเคลียร์อาคารทุกหลัง โดยเริ่มจากอาคารด้านขวามือของโบสถ์ก่อน พอเสร็จแล้วจึงมาทางฝั่งโบสถ์ เพื่อนำกำลังอ้อมไปเคลียร์อาคารอีกหลังหนึ่งด้านซ้ายของโบสถ์ แล้วก็ค่อยๆ วิ่งเลาะฝั่งด้ายซ้ายเพื่อไปเคลียร์อาคารด้านหน้า จากนั้นจึงย้อนลงเนินเขามาเคลียร์อาคารที่อยู่ใกล้ๆ อาคารที่ไฟไหม้ จากนั้นก็กลับขึ้นมาด้านบน เดินขึ้นมาทางถนนฝั่งขวา ให้เดินเลยโรงนาไปก่อน เพื่อไปเคลียร์บ้านอีกหลัง จากนั้นจึงนำกำลังบุกเข้าโรงนาจนเจอ Al-Asad เราจะจับกุมเขาไว้เพื่อสอบถามว่าได้ระเบิดนิวเคลียร์มาจากใคร จนกระทั่งมีโทรศัพท์สายด่วนเข้ามาบอกข้อมูลว่าคนที่ขายระเบิดให้คือใคร และเมื่อรู้ข้อมูลแล้ว Cpt. Price จึงลั่นไกใส่ Al-Asad อย่างไม่รอช้า เป้าหมายต่อไปของเราคือ Zakhaev นักค้าอาวุธ ซึ่งน่าจะตายไปตั้งแต่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว





                             ภารกิจ : All Ghillied Up

   เป็นตัวชูโรงในเกมเมื่อย้อนเวลากลับมาเมื่อ 15 ปีที่แล้วที่เชอร์โนบิล เราจะได้รับบทเป็น Cpt. Price ในเวลานั้น ติดตาม Cpt. Macmillan ไปปฏิบัติภารกิจลอบสังหารพ่อค้าอาวุธสุดโฉด Zakheav ในฉากนี้เราจะใส่ชุดพรางตัว Ghillie suit เดินเท้าฝ่ากองกำลังข้าศึกเข้าไปยังจุดซุ่มยิง เริ่มต้นให้ตาม Cpt. Macmillan ไปอย่างใกล้ชิด คอยฟังคำสั่งจากเขาให้ดี เดินตามไปจะเจอศัตรู 2 คนด้านหน้า ให้เราเก็บคนที่อยู่ด้านขวามือ อีกคน Cpt. Macmillan จะจัดการให้เอง ตามต่อไปอีก จะเจอศัตรูเดินลาดตระเวนอยู่ รอให้เดินมาตรงรถ แล้วค่อยจัดการ แล้วค่อยๆ ย่องไปต่อจนถึงโบสถ์ จะมีหอคอยให้เก็บศัตรูที่อยู่บนนั้นซะ แล้วจึงเก็บศัตรูที่เดินอยู่ด้านล่างอีกคน เดินเข้าไปด้านในโบสถ์ ออกจากประตูหลังมาจนถึงรั้ว ให้เราหมอบในเงาหลังรั้วเพื่อหลบ ฮ. พอพ้นแล้วก็จึงไปต่อ แต่เหมือนโชคไม่ดี ด้านหน้ามีกองกำลังจำนวนมากเคลื่อนพลเข้ามาพร้อมรถหุ้มเกราะอีก 2 คัน เราต้องหมอบอยู่กับที่ รอพวกศัตรูเดินผ่านเราไปก่อน แล้วค่อยคลานไปต่อ จะเจอศัตรูอยู่ตรงบริเวณซากรถถัง ให้เก็บคนที่เดินมาด้านหลังก่อน จากนั้นตามไปเก็บศัตรู 2 คนที่โยนศพลงแม่น้ำ แล้วตาม Cpt. Macmillan ลัดเลาะไปจนถึงถนน จะมีกองกำลังข้าศึกอยู่เป็นจำนวนมาก ให้วิ่งตาม Cpt. Macmillan ไปให้เร็วที่สุดแล้วคลานลอดใต้ท้องรถบรรทุกไปเรื่อยๆ จนถึงอีกฝั่งหนึ่งของถนน วิ่งมาจนถึงตึก ให้เก็บศัตรูที่อยู่ตรงบันไดชั้น 4 ก่อนแล้ววิ่งตาม Cpt. Macmillan จนถึงจุดซุ่มยิง







                               ภารกิจ : One Shot, One Kill

        เป็นฉากต่อกภารกิจที่แล้วเราจะต้องซุ่มอยู่ชั้นบนของตึก เพื่อลอบสังหาร Zakhaev  รอคำสั่งจาก Cpt. Macmillan แล้วจึงยิง จากนั้นให้ยิงคนขับ ฮ. ด้วย แล้วจึงหลบหนีโดยโรยตัวจากตึกลงมา วิ่งไปยังจุดนัดหมายให้เร็วที่สุด เพราะฉากนี้ศัตรูจะแห่กันมาเพียบ ฝ่าไปให้เร็วที่สุดอย่ารอช้า จนกระทั่งเจอ ฮ. ตามไล่ล่า ให้เรายิง ฮ. ให้ร่วง แต่ ฮ. ดันตกมาทางเราพอดี ทำให้ Cpt. Macmillan ไม่สามารถเดินต่อไปไหว เราต้องแบก Cpt. Macmillan มายังจุดนัดหมายให้ได้ ถ้าหากเจอศัตรูก็ให้วาง Cpt. Macmillan ลงถึงจะยิงต่อสู้กับข้าศึกได้ พอไปถึงจุดนัดหมาย ฮ. ของเราดันยังมาไม่ถึง เราต้องตรึงกำลังรอต่อไป ให้เราวาง Cpt. Macmillan ไว้มุมในสุดด้านขวา จากนั้นจึงไปวาง Claymore ดักข้าศึกไว้ แล้วเราก็มาซุ่มตรงลานรถบั๊มพ์อย่าลืมวาง Claymore ไว้ตรงทางขึ้นลงด้วย ต้านข้าศึกให้ได้จน ฮ. มารับแล้วแบก Cpt. Macmillan ขึ้น ฮ. ไป







ภารกิจ : Heat

      ตัดกลับมาที่ยุคปัจจุบัน ฉากนี้ให้เราตรึงกำลังรอการมารับ เริ่มต้นมาให้วิ่งตามเพื่อนมาทางเนินด้านหลัง ตรึงกำลังอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งมีคำสั่งถอนกำลัง ให้วิ่งมาทางที่มีซาก ฮ. อยู่ เข้าไปใช้ปืนบน ฮ. เก็บข้าศึกให้เรียบร้อย แล้วจะมี ฮ. ศัตรูมา 3 ลำใช้ปืนยิงถล่มได้เลย จากนั้นถอนกำลังมาที่อาคารด้านหลัง ไปหยิบตัวจุดชนวน C4 ที่อยู่ตรงหน้าต่าง แล้วรอข้าศึกเข้ามาในระยะ แล้วจึงกดระเบิด ทำแบบนี้ให้หมดทุกหน้าต่างที่มีตัวจุดชนวนอยู่ จากนั้นรถถังกองหนุนของศัตรูจะมาถึง ให้เราวิ่งกลับมาที่โรงนาเพื่อมาหยิบ Javelin ไปยิงรถถล่มรถถังทั้ง 4 คัน จากนั้นตรึงกำลังจนกว่า ฮ. พวกเราจะมาถึง แล้วจึงวิ่งมายังจุดจอด ฮ. ตรงปั๊มน้ำมัน







                 ภารกิจ : The Sins of the father

      ในฉากนี้จะเป็นกองกำลังร่วมระหว่าง S.A.S กับ USMC เข้าไปบุกจับกุมลูกชายของ Zakhaev ในตอนใต้ของรัสเซีย เริ่มต้นมาให้วิ่งตามเพื่อนไปหาที่ตั้งของกองกำลังศัตรู แล้วรอคำสั่ง เก็บศัตรูให้หมด แล้วเราจะปลอมตัวเป็นพวกศัตรู จนตอนเช้า กองกำลังของลูกชาย Zakhaev จะมาถึง และจะเกิดการปะทะกันขึ้น ให้เราวิ่งตามลูกชายของ Zakhaev ไป โดยที่ห้ามฆ่าเขาโดยเด็ดขาด ระหว่างทางจะมีกองกำลังศัตรูออกมาเป็นระยะ ให้เราวิ่งตัดถนนมาเข้าซอยทางด้านซ้ายมือ มาจนถึงลานจอดรถ ระวังศัตรูที่อยู่ชั้น 2 ด้วย วิ่งตรงมาด้านในแล้วไปตามทาง จะมีศัตรูอยู่ตลอดทาง จนถึงบันไดที่ขึ้นมาด้านหน้าของอาคาร ชั้นบนจะมีป้อมปืนกลอยู่ให้เราหลบข้างหลังกำแพงก่อน แล้ว ฮ. เราจะมาจัดการให้จึงบุกเข้าไปในตัวอาคาร พอมาถึงดาดฟ้าเราจะเจอลูกชายของ Zakhaev จนมุมอยู่ พวกเรากำลังเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธ แต่สุดท้าย...เขาก็ยิงตัวตาย




                                          ภารกิจ : Ultimatum

          ฉากนี้เป็นปฏิบัติการร่วมอีกครั้ง เริ่มต้นมา SSgt. Griggs โดดร่มพลาดเลยตำแหน่งที่นัดหมายไปเยอะ ทำให้พวกเราต้องไปค้นหา วิ่งตามเพื่อนไป จะเจอพวกทหารฝ่ายศัตรูตรวจตราเป็นระยะ เข้าบ้านหลังแรกขึ้นบันไดจากชั้นใต้ดินมาจะเจอศัตรูแต่ไม่ต้องห่วง Cpt. Price จะจัดการเอง ให้เราเดินขึ้นไปตรวจชั้น 2 จะเจอทหารนั่งหลับอยู่ในห้อง ให้เราเดินผ่านมาทางซ้ายมือประตูในสุด เพราะจะมีทหารศัตรูยืนอยู่ เก็บด้วยปืนเก็บเสียง แล้วจึงจัดการคนที่นั่งหลับ ลงมาแล้วตาม Cpt. Price ไปที่หน้าบ้านจะมีศัตรูเดินผ่านมา ให้มันเดินไปจนสุดจึงยิง จะมีศัตรูอีกคนเดินเข้ามาดู เก็บซะก่อนที่มันจะโวยวาย เดินตามเพื่อนมาเข้าบ้านหลังที่สอง SSgt. Griggs จะถูกจับอยู่ในห้องด้านบน ให้เรากด F เพื่อตัดเชือกที่มัดออก ออกจากบ้านวิ่งตามเพื่อนไป จะเจอ ฮ. ข้าศึกบินผ่านมาให้รีบหมอบ พอ ฮ. บินผ่านไปให้เราไปติด C4 ตรงเสาทั้งสองด้านของเสาไฟฟ้า แล้ววิ่งออกมาหาที่ปลอดภัยกดระเบิดซะ แล้วตามเพื่อนมาเพื่อไปยังจุดนัดเจอกับอีกทีมหนึ่ง พอมาถึงโรงงานจะเจอศัตรูเป็นจำนวนมาก บุกขึ้นทางป้อมยามขวามือ ตีโอบด้านข้างของศัตรู เก็บให้หมด ในโรงงานนี้จะมีศัตรูค่อนข้างเยอะ แต่ให้ใช้วิธีตีโอบด้านข้าง และระวังศัตรูที่อยู่ด้านบนด้วย เพราะจะมีพล RPG อยู่ด้านบนชั้น 2 เยอะพอสมควร พอไปถึงจุดนัดพบ สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ขีปนาวุธถูกยิงขึ้น และเป้าหมายอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา








                                    ภารกิจ : All In


   ขีปนาวุธหนึ่งลูกมีหัวรบนิวเคลียร์ทั้งสิ้น 6 ลูกด้วยกัน และเมื่อมันถูกปล่อยมา 2 ลูก นั้นก็ย่อมหมายความว่า ประเทศอเมริกา และประชากร 41 ล้านคนจะสูญสิ้นทันที ภารกิจของเราครั้งนี้คือ การบุกเข้าไปยังห้องควบคุมขีปนาวุธ ฉากนี้จะเริ่มต่อเนื่องจากฉากเมื่อกี้ทันที พอวิ่งเข้ารั้วมาจะเจอกับรถถัง ให้ใช้ระบิดควันโดยกด 4 ก่อนบุกเข้าไปติดตั้ง C4 ที่รถถัง บุกเข้ามาเรื่อยๆ พอเข้ามาถึงฐานยิงด้านใน จะเจอรถถังอีก 2 คันให้เราติดตั้ง C4 หรือวิ่งไปหา จรวด RPG ที่วางอยู่ในฉากทำลายมันซะ เพื่อนเราจะเจาะตะแกรงเพื่อโรยตัวลงไปข้างล่างสู่ฐานสั่งการขีปนาวุธ






           ภารกิจ : No Fighting in the War Room


  ในฉากนี้เราจะมีเวลาประมาณ 14 นาทีเท่านั้น เพื่อที่จะบุกเข้าไปแล้วสั่งการให้หัวรบนิวเคลียร์ทั้ง 12 ลูกไปตกในทะเล เริ่มต้นให้เราคลานตาม SSgt. Griggs ไปเรื่อยๆ จนถึงทางลง พอออกมาจากห้องน้ำให้เราบุกตรงเข้ามาเรื่อยๆ จนเจอบันไดลงมาชั้นล่าง จนมาถึงห้องด้านใน แล้วให้นำ C4 ไปติดไว้ตรงกำแพงข้างห้อง Control Room ระเบิดมันซะ แล้วเข้าไปจัดการศัตรูที่อยู่ในห้องให้เรียบร้อย เดินมาที่แผงควบคุมตรงกลางห้อง กด F ค้างไว้เพื่อใส่โค้ดสั่งการหัวรบนิวเคลียร์ให้ไปตกลงทะเล จากนั้นให้วิ่งตาม Cpt. Price ไปยังโรงจอดรถบรรทุกด้านบนเพื่อหลบหนี





                                     ภารกิจ : Game Over


  ในฉากนี้ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ต้องยิงให้ไว และแม่นเท่านั้นเองครับ เราจะอยู่หลังรถ และต้องคอยยิงศัตรูที่ตามมา พอกระสุนหมดให้นั่งลงแล้วค่อยโหลดกระสุนใหม่ ผ่านมาสักครึ่งทางจะมี ฮ. ของข้าศึกมา ให้เราหันหลังมาหยิบ RPG ยิงให้ร่วงซะ แต่สุดท้ายเราจะโดนยิงดักที่สะพาน ทำให้รถเราเสียหลักพลิกคว่ำ รีบวิ่งขึ้นมาด้านบนให้เร็ว จากนั้นศัตรูจะแห่รุมเข้ามา ให้เราต้านไว้ สุดท้ายเราจะโดน ฮ. ยิงด้วยจรวด สมองเริ่มเลือนราง ภาพที่เห็นคือ SSgt. Griggs เข้ามาดึงเราออกมาจากซากที่ระเบิด แต่แล้ว SSgt. Griggs ก็โดนยิงต่อหน้าต่อตาเราจนล้มลงไป เราเบือนหน้าหลบไปด้านหลังก็เห็น Cpt. Price นอนบาดเจ็บอยู่ด้านหลังเรานั่นเอง พอหันกลับมา Zakhaev มายืนอยู่ข้างหน้าเรา***งออกไปเพียงไม่กี่สิบเมตร มันเดินเยื้องย่างเข้ามาอย่างใจเย็น ยิงเพื่อนเราทีละคน และกำลังจะถึงคิวเราคนต่อไป แต่แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ฮ. ของศัตรูที่ลอยลำอยู่เหนือพวกเราถูกยิงร่วงโดยกำลังเสริมของพวกเราที่ตามช่วย Zakhaev และลูกสมุนตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราหันหลังกลับไปมอง Cpt. Price อย่างมีหวัง Cpt. Price โยนปืนพกมาให้เรา และแน่นอนเราต้องไม่พลาด ปังๆๆๆ เสียงปืนดังขึ้นวายร้ายทั้ง 3 คนจบชีวิตเบื้องหน้าเรา กำลังเสริมโรยตัวลงมาจาก ฮ. ทุกอย่างจบลงด้วยการสูญเสีย เหล่าวีรบุรุษหลายคนต้องมาสละชีพเพื่อสันติภาพ และความถูกต้อง






 


                             ภารกิจ : Mile High Club


  ภารกิจส่งท้ายในฉากนี้คือ เราต้องเข้าไปช่วยตัวประกัน VIP ที่อยู่ด้านบนของเครื่องบินโดยมีเวลาประมาณ 3 นาที ดังนั้นให้เราวิ่ง และยิงทันที อย่าอยู่กับที่ พยายามบุกไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด กำแพง และพนักพิงล้วนยิงทะลุได้หมดจึงไม่ใช่ปัญหาเวลาศัตรูหลบอยู่ สามารถยิงทะลุไปได้เลย พอมาถึงด้านบน ศัตรูจะล็อกตัวประกันไว้อยู่ ให้เราเล็งให้ดี ช่วงนี้ภาพจะสโลว์โมชั่น พอเก็บศัตรูเรียบร้อยให้วิ่งมาตรงประตูเครื่องบิน รอให้เพื่อนพาตัวประกันโดดออกไปก่อนจึงโดดตามลงไป





เกร็ดความรู้









นาวิกโยธิน

นาวิกโยธิน (Marine) คือ ทหารเรือที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ เพื่อปฏิบัติภารกิจนอกเหนือจากในน่านน้ำตามปกติ โดยมุ่งเน้นการรบภาคพื้นดิน นับ เป็นการรบสะเทินน้ำสะเทินบก เพื่อสนับสนุนการรบของทหารเรือ และอาจทำการรบร่วมกับทหารจากหน่วยรบอื่นๆ เช่น ทหารบก หรือ ทหารอากาศก็ได้ นาวิกโยธินจึงเปรียบเสมือนทหารเหล่าราบของกองทัพเรือนั่นเอง
ทหารเรือฝ่ายนาวิกโยธินนับว่ามีขีดความสามารถสูง ได้รับการฝึกทั้งการรบทางทะเลและการรบทางบก สามารถปฏิบัติการได้คล่องตัว เช่น เมื่อต้องการยกพลขึ้นบก การยุทธที่มีความคาบเกี่ยวกับสถานการณ์บกและน้ำ นอกจากนี้ยังสามารถปฏิบัติงานในท้องที่ชายฝั่ง รักษาความสงบตลอดน่านน้ำ เป็นต้น
ภารกิจ

โดยทั่วไปทหารนาวิกโยธินจะมีหน้าที่หลักในการยกพลขึ้นบก เพื่อยึดหัวหาดหรือการสถาปนากองกำลังบนบก เป็นหน่วยแรกและจะเผชิญกับการต่อต้านของฝ่ายตรงข้ามที่ป้องกันชายหาด ทหารนาวิกโยธินจึงมีการสูญเสียกำลังพลสูง เมื่อสถาปนากองกำลังได้แล้ว ทหารบกจะเคลื่อนพลขึ้น และการรบหลักบนบกจะเป็นหน้าที่ของทหารบก ในปัจจุบันนาวิกโยธินได้ถูกนำมาใช้เป็นกำลังรบหลักบนบกซึ่งมีขีดความสามารถเท่ากับทหารราบของกองทัพบกเลยก็ว่าได้ นาวิกโยธินสามารถร้องขอการสนับสนุนการโจมตีจากทะเลได้เช่น การระดมยิงจากเรือหรือจรวดไปยังเป้าหมายที่ทำการแจ้งไป การใช้กำลังทางอากาศ ใช้อากาศยานสนับสนุนนาวิกโยธินอย่างใกล้ชิด โดยใช้เครื่องAV-8(Harrier)ซึ่งเป็นเครื่องขึ้นลงทางดิ่ง ทำให้นาวิกโยธินสามารถทำการรบได้อย่างมีประสิทธิประภาพมากขึ้น การขนส่งในอดีตนาวิกโยธินจะใช้ยานยนต์สะเทินน้ำสะเทินบกในการบุกหรือเข้ายึดหัวหาด แต่ในปัจจุบันนั้นจะมีการใช้เฮลิคอปเตอร์หรืออากาศยานปีกหมุนเข้าช่วยในการขนส่งนาวิกโยธินเข้าสู่แนวหน้าได้รวดเร็วมากขึ้น


ตราประจำหน่วย นาวิกโยธิน สหรัฐ



ธงประจำหน่วยนาวิกโยธิน สหรัฐ





ชัดดัม ฮุสเซน

ซัดดัม ฮุสเซน (อังกฤษ: Saddam Hussein)[1] หรือ ศ็อดดาม ฮุเซน อับดุลมะญีด อัลตีกรีตี[2] (อาหรับ: صدام حسين عبد المجيد التكريتي; ละติน:Ṣaddām Ḥusayn ʿAbd al-Majīd al-Tikrītī) (28 เมษายน พ.ศ. 2480[3]-30 ธันวาคม พ.ศ. 2549) เป็นอดีตประธานาธิบดีของอิรัก ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 กระทั่งถูกจับกุมและถอดออกจากตำแหน่ง โดยกองกำลังนานาชาติซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกา ในช่วงสงครามอิรัก
ซัดดัมเคยเป็นผู้นำพรรคบะอัธ พรรคการเมืองหัวปฏิวัติของอิรัก ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มลัทธินิยมรวมชาติอาหรับโดยไม่อ้างอิงกับศาสนา การปรับระบบเศรษฐกิจให้ทันสมัย และระบอบสังคมนิยม ซัดดัม ได้มีบทบาทสำคัญในการก่อรัฐประหารในปี พ.ศ. 2511 ที่ทำให้พรรคบะอัธก้าวขึ้นสู่อำนาจในระยะยาว ในฐานะของรองประธานาธิบดี โดยมีนายพลอะฮ์มัด บะกัร ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่มีสุขภาพอ่อนแอดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซัดดัมจึงได้กุมอำนาจในการจัดการปัญหาข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ ในช่วงเวลาที่กลุ่มการเมืองต่าง ๆ ถูกมองว่าสามารถโค่นล้มรัฐบาลได้ทุกเมื่อ โดยซัดดัมได้จัดตั้งกองกำลังรักษาความมั่นคง เพื่ออุดหนุนอำนาจของเขาในการควบคุมรัฐบาลอิรักไว้ ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 ราคาน้ำมันปิโตรเลียมที่พุ่งสูงขึ้นได้ช่วยให้เศรษฐกิจอิรักเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากและในอัตราที่สม่ำเสมอ
ในฐานะประธานาธิบดี ซัดดัมได้พัฒนาลัทธินิยมตัวผู้นำอย่างบ้าคลั่ง ปกครองรัฐบาลเผด็จการ และกุมอำนาจไว้ได้ในช่วงสงครามอิรัก-อิหร่าน(ระหว่างปี พ.ศ. 2523 - 2531) ในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย (พ.ศ. 2534) ซึ่งทำให้อิรักทรุดโทรม ทำลายทั้งมาตรฐานการครองชีพและสิทธิมนุษยชน รัฐบาลของซัดดัมได้จัดการกับการเคลื่อนไหวที่มีแนวโน้มเป็นภัยคุกคาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพวกชนกลุ่มน้อย หรือกลุ่มทางศาสนาที่ต้องการเรียกร้องอิสรภาพ หรือการปกครองตนเอง
ในระหว่างที่ยังคงเป็นวีรบุรุษที่ประชาชนชื่นชม โดดเด่นในหมู่ผู้นำอาหรับอื่นๆ ในฐานะผู้ที่ลุกขึ้นต่อต้านสหรัฐ และให้การสนับสนุนปาเลสไตน์ภายหลังสงครามอ่าวเปอร์เซีย สหรัฐอเมริกาและชาติอื่นๆ ในประชาคมโลก ยังคงเฝ้าระวังจับตามองซัดดัมด้วยความหวาดระแวงว่ามีอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงไว้ในครอบครอง ซัดดัมได้ถูกถอดถอนโดยสหรัฐและฝ่ายพันธมิตรในการบุกอิรักเมื่อปี พ.ศ. 2546 ถูกจับกุมโดยกองกำลังสหรัฐเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในหลุมขนาดเล็ก ในฟาร์มแห่งหนึ่งชานเมืองติกรีต เขาขึ้นต่อสู้คดีในศาลพิเศษอิรักที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลชั่วคราวของอิรัก
วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ผู้พิพากษาศาลอิรัก สั่งลงโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอซัดดัม ในคดีสังหารหมู่ชาวชีอะห์ 148 คน ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองดูเญลเมื่อปี พ.ศ. 2525[4] โดยเขาถูกประหารชีวิตในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2549[5]

ใครที่ไม่รู้ว่าสัมพันธ์กันอยางไร เชิญดูครับ


รถถัง M1 Abrams กระทิงเหล็กอัจฉริยะแห่งกองทัพสหรัฐ


เอ็ม1 เอบรามส์ (อังกฤษ: M1 Abrams) เป็นรถถังหลักรุ่นที่สามของสหรัฐอเมริกา ชื่อของมันมาจากนายพลเครกตัน เอบรามส์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในสงครามเวียดนามตั้งแต่ปีพ.ศ. 2511-2515 มันมีอาวุธที่ดี เกราะขนาดหนัก และคล่องตัวตามที่มันถูกออกแบบมาเพื่อทำสงครามยานเกราะยุคใหม่[6] จุดเด่นของมันคือเครื่องยนต์เทอร์ไบที่ทรงพลัง การใช้เกราะผสม และการเก็บกระสุนแยกต่างหากจากห้องของลูกเรือ มันเป็นหนึ่งในรถถังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประจำการ ด้วยน้ำหนักเกือบ 62 ตัน
เอ็ม1 เอบรามส์ได้เข้าประจำการในกองทัพสหรัฐเมื่อปีพ.ศ. 2523 โดยเข้ามาแทนที่เอ็ม60 แพทตัน[7] อย่างไรก็ตามมันก็ทำงานร่วมกับเอ็ม60เอรุ่นที่ได้รับการพัฒนามาตลอดทศวรรษ ซึ่งเข้าประการมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2521 รุ่นหลักๆ ของเอ็ม1 มีสามรุ่นด้วยกัน คือ เอ็ม1 เอ็ม1เอ1และเอ็ม1เอ2 โดยมีการพัฒนาด้านอาวุธ การป้องกัน และระบบไฟฟ้า การพัฒนาเหล่านี้มีเพื่อทำให้มันมีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ในปัจจุบันกำลังมีการพัฒนาเอ็ม1เอ3 มันเป็นรถถังประจัญบานหลักของกองทัพบกสหรัฐและเหล่านาวิกโยธินสหรัฐ รวมทั้งกองทัพบกอียิปต์ กองทัพบกคูเวต กองทัพบกซาอุดิอาระเบีย กองทัพบกออสเตรเลีย และกองทัพบกอิรัก เอ็ม1 เอบรามส์จะประจำการจนถึงทศวรรษที่ 2593 ประมาณ 70 ปีหลังจากที่มันเข้าประจำการครั้งแรก




AC 130 พญามังกรอารักขา


ล็อกฮีด เอซี-130 (อังกฤษ: Lockheed AC-130) เป็นเครื่องบินติดอาวุธขนาดหนัก โครงสร้างพื้นฐานถูกสร้างขึ้นโดยล็อกฮีดและโบอิงเป็นผู้รับผิดชอบในการเปลี่ยนให้มันกลายมาเป็นเครื่องบินติดอาวุธและเครื่องบินสนับสนุน[1] มันเป็นแบบหนึ่งของเครื่องบินขนส่งซี-130 เฮอร์คิวลิส เอซี-130เอเข้ามาแทนที่เอซี-47 สปูคกี้ในสงครามเวียดนาม
ผู้ใช้งานเพียงผู้เดียวของเครื่องบินติดอาวุธคือกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งใช้เอซี-130เอช สเปกเตอร์และเอซี-130ยู สปูคกี้[2] เอซี-130 มีขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์สี่ใบพัดจำนวนสี่เครื่อง ติดตั้งอาวุธปืน ได้แก่ ปืนกลหลายลำกล้องจีเอยู-12/ยูขนาด 25 ม.ม. จำนวน 2 กระบอก ปืนใหญ่โบฟอร์ส แอล/60 ขนาด 40 มม. จำนวน 1 กระบอก และปืนใหญ่เอ็ม102 ฮาวไอเซอร์ขนาด 105 มม. จำนวน 1 กระบอก มีลูกเรือสิบสองถึงสิบสามคนที่รวมทั้งนายทหารห้านาย (นักบินสองนาย คนนำร่อง ผู้ดูแลสงครามอิเลคทรอนิก และผู้ควบคุมการยิง) นอกจากนั้นยังมีวิศวกร ผู้ใช้อุปกรณ์อิเลคทรอนิก และพลปืน
กองทัพอากาศสหรัฐฯ ใช้เอซี-130 ทำหน้าที่สนับสนุนทางอากาศระยะใกล้ ควบคุมพื้นที่จากอากาศ และป้องกันกองกำลัง การสนับสนุนทางอากาศระยะใกล้นั้นรวมทั้งการให้การสนับสนุนทหารราบ คุ้มกันขบวนรถ และบินเหนือพื้นที่ปฏิบัติการในเมือง ในภารกิจควบคุมพื้นที่ทางอากาศจะเป็นการทำตามเป้าหมายที่วางแผนเอาไว้หรือคาดว่าจะเจอ สำหรับภารกิจป้องกันกองกำลังจะมีทั้งการป้องกันฐานบินและสถานที่สำคัญต่างๆ ฝูงบินนี้ประจำสถานีอยู่ที่เฮิร์ลเบิร์ตฟีลด์ในทางเหนือของฟลอริดา ฝูงบินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกองบัญชาการปฏิบัติการพิเศษทางอากาศของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองบัญชาการปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯ


Chernobyle เชอโนบิล นรกกัมมันตรังสี


เรื่องที่ผมอยากเล่ามากทีี่สุด
ภัยพิบัติเชียร์โนบีล[1] (ยูเครน: Чорнобильська катастрофа, Čornobyľśka katastrofa; อังกฤษ: Chernobyl disaster) เป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ขั้นร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีล ตั้งอยู่ที่นิคมเชียร์โนบีล ริมฝั่งแม่น้ำนีเปอร์ ใกล้เมืองพริเพียต จังหวัดเคียฟ ทางตอนเหนือของยูเครน ใกล้ชายแดนเบลารุส (ในขณะนั้นยูเครนและเบลารุสยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) อุบัติเหตุที่เชียร์โนบีลนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ในแง่ของค่าใช้จ่ายและชีวิต[2]

อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อวิศวกรได้ทำการทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบระบบได้ล่าช้ากว่ากำหนดจนต้องทำการทดสอบโดยวิศวกรกะกลางคืน ได้เกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และเกิดระเบิดขึ้น ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือ ทางการยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ต้องอพยพประชากรมากกว่า 336,000 คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน
อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นหนึ่งในสองครั้งที่ได้รับการจัดความรุนแรงไว้ที่ระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ อีกครั้งหนึ่งเป็นของภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิในปี 2011[3]
สงครามเพื่อต่อสู้กับการปนเปื้อนและป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียมากไปกว่านี้เกี่ยวข้องกับคนงานทั้งทหารและพลเรือนกว่า 500,000 คนและค่าใช้จ่ายประมาณ 18 พันล้านรูเบิ้ล[4] ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีผู้เสียชีวิตทันที่ 31 ราย และผลกระทบระยะยาวเช่นมะเร็งอยู่ระหว่างการสืบสวน มีการประมาณการว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากการระเบิดโดยตรงมากกว่า 600,000 คน แต่ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจากการสัมผัสกัมมันตรังสีอาจสูงถึง 4,000 คน [5]


คำเตือน สำหรับคนโลกสวยกรุณาปิดคลิปนะครับ บอกแล้วนะ


เครดิตข้อมูล http://www.overclockzone.com/forums/showthread.php/181658-%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%9B-Call-of-Duty-4-Modern-Warfare

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A5

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AE%E0%B8%B5%E0%B8%94_%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B5-130

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A11_%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%8C

เครดิตรูปภาพ PordForward.com


และขอบคุณ 9th TEARDROP GameTeller

และสามารถดูคลิป ได้ที่ https://www.youtube.com/channel/UCwkx9CAsjmRVLIDocm-JzlA


     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น